CMU-09. วิทยานิพนธ์ปริญญาโท
URI ถาวรสำหรับคอลเล็กชันนี้
เรียกดู
กำลังเรียกดู CMU-09. วิทยานิพนธ์ปริญญาโท โดย วันที่ออก{{beginningWith}}
ตอนนี้กำลังแสดง1 - 20 ของ 89
ผลลัพธ์ต่อหน้า
ตัวเลือกเรียงลำดับ
รายการ กรณีศึกษากลยุทธ์การสร้างมายาคติจากสื่อโฆษณาของการท่องเที่ยวไทย(2555) กมลวรรณ ศิริวันต์การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเพื่อวิเคราะห์ กลยุทธ์สื่อโฆษณา เนื้อหา รูปภาพ การนำเสนอชิ้นงานโฆษณาของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยใช้มายาคติในการสื่อสารเพื่อจูงใจนักท่องเที่ยว รวมไปถึงศึกษาอัตราของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยในภูมิภาคจังหวัดที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ทำสื่อโฆษณาเผยแพร่ออกมา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยที่มีประสบการณ์การเดินทางโดยถูกอิทธิพลการจูงใจด้วยการสื่อสารโฆษณาของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จำนวน 30 คน ด้วยการสัมภาษณ์จากการสุ่มตัวอย่างโดยบังเอิญ...รายการ การเปิดรับ และทัศนคติ ของผู้บริโภคต่อสื่อ ณ จุดขาย ภายในห้าง Super Center : กรณีศึกษาห้าง Tesco Lotus ในเขตกรุงเทพมหานคร(2555-11-21T04:27:26Z) นที แสงพลายการวิจัยครั้งนี้มัวัตถุประสงค์ 1)ศึกษาการเปิดรับ และทัศนคติของผู้บริโภคต่อสื่อ ณ จุดขายภายในห้าง Super Center การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริโภคที่มาใช้บริการภายในห้าง Super Center จำนวน 406 คน...รายการ รูปแบบการโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำหรับผู้หญิงในสื่อนิตยสาร(2555-11-21T04:36:49Z) นริศรา ตันสรานุวัฒน์การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)ศึกษารูปแบบการโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำหรับผู้หญิงในสื่อนิตยสาร 2)เพื่อเปรียบเทียบรูปแบบการโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำหรับผู้หญิงจำแนกตามประเภทของผลิตภัณฑ์ 3)เพื่อเปรียบเทียบรูปแบบการโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำหรับผู้หญิงในประเทศและต่างประเทศ ทำการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ ในการวิเคราะห์ตัวบทในสื่อนิตยสารสำหรับผู้หญิง 2 ฉบับ คือ นิตยสารคลีโอ และ เซเว่นทีน จำนวน 60ฉบับ...รายการ พฤติกรรมการเปิดรับและทัศนคติของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครที่มีต่อละครเรื่อง สายน้ำ สามชีวิต ของบริษัท เป่า จิน จง จำกัด(2555-11-21T04:48:09Z) นัฐยา อุ่นใจการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)ศึกษาพฤติกรรมการเปิดรับและทัศนคติของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครที่มีต่อละครเรื่อง สายน้ำ สามชีวิต 2) ศึกษาทัศนคติของประชาชนที่มีต่อละครเรื่องสายน้ำ สามชีวิต 3)เพื่อเปรียบเทียบทัศนคติของประชาชนที่มีปัจจัยทางประชากรศาสตร์ต่างกัน ต่อละครเรื่องสายน้ำ สามชีวิต เครื่องมือที่ใช้คือ แบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ประชาชนที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร 400 คน การวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย การทดสอบค่าที และการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียวรายการ การเปิดรับ และทัศนคติของผู้ชมที่มีต่อละครพื้นบ้านทางโทรทัศน์(2555-11-21T04:55:24Z) ศนิษา รัตนจันทร์การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)ศึกษาถึงลักษณะการเปิดรับชมละครพื้นบ้านทางโทรทัศน์ของผู้ชม 2)ศึกษาทัศนคติของผู้ชมที่มีต่อละครพื้นบ้านทางโทรทัศน์ 3)เปรียบเทียบปัจจัยทางประชากรศาสตร์ที่มีผลต่อลักษณะการเปิดรับชมและทัศนคติของผู้ชมที่มีต่อละครพื้นบ้านทางโทรทัศน์ ...รายการ การรับรู้ ความเข้าใจและทัศนคติของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีต่อสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ของ "โครงการคุณธรรมนำไทย"กรณีศึกษาภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ ชุด "ผู้นำคุณธรรม"(2555-11-21T07:38:52Z) ดาราวรรณ ประพัฒน์การวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการรับรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีต่อสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ของ โครงการคุณธรรมนำไทย กรณีศึกษาภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ชุด ผู้นำคุณธรรม รวมทั้งศึกษาการเปรียบเทียบการรับรู้ ความเข้า และทัศนคติของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาคณะรัฐศาสตร์และคณะนิเทศศาสตร์ในเขตกรุงเทพมหานครที่มีสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ของ โครงการคุณธรรมนำไทย กรณีศึกษาภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ชุด ผู้นำคุณธรรม ...รายการ ทัศนคติของวัยรุ่นต่อผลกระทบของนิตยสารบันเทิงประเภทปาปารัซซี่(2555-11-21T07:44:57Z) ธนัชชา โสมเกษตรินทร์การศึกษาเรื่อง “ทัศนคติของวัยรุ่นต่อผลกระทบของนิตยสารบันเทิงประเภทปาปารัซซี่” เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเปิดรับ ทัศนคติของวัยรุ่นต่อผลกระทบของนิตยสารบันเทิงประเภทปาปารัซซี่ และความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางประชากรศาสตร์ พฤติกรรมการเปิดรับ กับทัศคติของวัยรุ่นต่อผลกระทบของนิตยสารบันเทิงประเภทปาปารัซซี่ ผู้วิจัยใช้แบบสอบถาม จำนวน 400 ชุด และการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview)จำนวน 20 คน เป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุระหว่าง 13-21 ปี ในเขตกรุงเทพฯ...รายการ การรับรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครต่อสัญลักษณ์ระบุระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์(2555-11-21T07:49:18Z) วิทวัช แซ่พุ่นการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อศึกษา การรับรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครต่อสัญลักษณ์ระบุระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์ 2)เพื่อศึกษาพฤติกรรมของประชาชนกับการรับชมสัญลักษณ์ระบุระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์ 3)เพื่อศึกษาถึงปัจจัยที่มีผลต่อการรับรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครต่อสัญลักษณ์ระบุระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์...รายการ การเปรียบเทียบภาพลักษณ์จริงกับภาพลักษณ์ที่พึงประสงค์ของสำนักงานการกีฬา มหาวิทยาลัยศรีปทุม(2555-11-21T07:53:44Z) สกิณา ปาทานการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา และเปรียบเทียบภาพลักษณ์จริงกับภาพลักษณ์ที่พึงประสงค์ ของสำนักงานการกีฬา มหาวิทยาลัยศรีปทุม ตามความคิดเห็นของนักกีฬาทุนมหาวิทยาลัยศรีปทุม กลุ่มตัวอย่างเป็นนักกีฬาทุนของมหาวิทยาลัยศรีปทุม 169 คน ซึ่งสุ่มตัวอย่างแบบง่ายด้วยการจับฉลาก เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม แบบมาตราส่วนประมาณค่า ชนิดกำหนดคำตอบเป็น 5 ระดับ จำนวน 50 ข้อ โดยมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.96 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยใช้สถิติ t-test…รายการ พฤติกรรมการรับฟังวิทยุ และการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือสังคมของผู้ฟังรายการร่วมด้วยช่วยกันในเขตกรุงเทพมหานคร(2555-11-21T08:02:16Z) สุกัญญา มากล้นในการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการรับฟังวิทยุของผู้ฟังรายการร่วมด้วยช่วยกันในเขตกรุงเทพมหานคร (2) เพื่อเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือสังคม ของผู้ฟังรายการร่วมด้วยช่วยกัน ในเขตกรุงเทพมหานคร จำแนกตามพฤติกรรมการรับฟังวิทยุของผู้ฟังรายการร่วมด้วยช่วยกัน(3)เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของรูปแบบการนำเสนอกับการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือสังคม ของผู้ฟังรายการร่วมด้วยช่วยกัน ในเขตกรุงเทพมหานคร...รายการ การสื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการกับพฤติกรรมการเปิดรับที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี : กรณีศึกษา นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยศรีปทุม(Sripatum University, 2561-05-20) สันติ ธนลาภอนันต์การศึกษาวิทยานิพนธ์เรื่อง "การสื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการกับพฤติกรรมการเปิดรับที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี : กรณีศึกษา นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยศรีปทุม" เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative) มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยศรีปทุมศึกษาพฤติกรรมการเปิดรับการสื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยศรีปทุม ศึกษาการสื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล พฤติกรรมการเปิดรับ การสื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการและการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยศรีปทุมรายการ แนวทางการสื่อสารเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าผ่านเฟซบุ๊กเพจกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช(Sripatum University, 2563) อัจจิมา สำเภาเงินการวิจัยเรื่อง "แนวทางการสื่อสารเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าผ่านเฟซบุ๊กเพจกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช" เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยทำการศึกษาการสื่อสารข้อมูลเฟซบุ๊กเพจกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช การมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าของผู้ติดตามเฟซบุ๊กเพจและแนวความคิดของกลุ่มผู้ติดตามเฟซบุ๊กเพจของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่มีต่อรูปแบบและข้อมูลข่าวสารที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ฯรายการ กลยุทธ์การสื่อสารแบรนด์ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประสบความสำเร็จ(Sripatum University, 2563) นันทรัตน์ อรรถยากรงานวิจัยเรื่อง "กลยุทธ์การสื่อสารแบรนด์ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประสบความสำเร็จ" นี้ เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพที่มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการวางแผนกลยุทธ์การสื่อสารแบรนด์ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อศึกษารูปแบบการสื่อสารแบรนด์ที่ส่งผลต่อความสำเร็จของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และเพื่อนำเสนอรูปแบบกลยุทธ์การสื่อสารของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประสบความสำเร็จรายการ กลยุทธ์การผลิตรายการโทรทัศน์สำหรับเด็กผ่านสื่อออนไลน์ กรณีศึกษา ช่อง THAI FAIRY TALES ใน YOUTUBE(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2564) อดิศร ไม้ประดิษฐ์วิทยานิพนธ์เรื่อง “กลยุทธ์การผลิตรายการโทรทัศน์สำหรับเด็กผ่านสื่อออนไลน์ กรณีศึกษาช่อง thai fairy tales ใน youtube” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหากลยุทธ์การผลิตรายการโทรทัศน์สำหรับเด็กที่มีคุณภาพและเป็นที่นิยม ด้าน เนื้อหา รูปแบบ วิธีการนำเสนอ องค์ประกอบต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อรายการ และศึกษาว่ากลุ่มเป้าหมายมีพฤติกรรมเปิดรับรายการประเภทเด็กอย่างไรบ้าง การวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยเลือกใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ด้วยจากการการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก (In-depth Interview) โดยการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว (Face to face interview : F2F) การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (Enumeration by telephone) ในการเก็บข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ตามแนวคิดทฤษฎีที่ใช้เป็นกรอบศึกษาเพื่อตอบวัตุประสงค์ของการศึกษาด้วยวิธีการนำเสนอผลการวิจัยเป็นเชิงพรรณ (Descriptive Research) อภิปรายข้อมูล และ บรรยายสรุป โดยแยกตามวัตถุประสงค์ของการศึกษารายการ การรับรู้ผ่านการสื่อสารการตลาดที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ เวทีการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2564) โสภาพรรณ วิรุฬหมาศการศึกษาวิทยานิพนธ์เรื่อง “การรับรู้ผ่านการสื่อสารการตลาดที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์เวทีการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์” เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative) มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาลักษณะทางประชากรศาสตร์ที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์เวทีการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ศึกษาการรับรู้ของผู้ติดตามเวทีการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ศึกษาการสื่อสารทางการตลาดของเวทีการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ และศึกษาภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นจากการสื่อสารของเวทีการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ โดยกลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ ประชากรไทยที่ถูกใจเฟซบุ๊กเพจมิสแกรนด์ไทยแลนด์ และติดตามการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ผ่าเฟซบุ๊กเพจมิสแกรนด์ไทยแลนด์ จำนวน 400 คน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามออนไลน์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean : "X" ̅) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) สถิติค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson Product Moment Correlation Coefficient) วิธีวิเคราะห์การถดถอยแบบพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) และ สถิติ t-test (Independent Sample T-test) สถิติ F-test (One-way ANOVA)รายการ พฤติกรรมและประโยชน์ที่ส่งผลต่อการตอบสนองการใช้เครือข่าย สังคมออนไลน์แฟนเพจเฟซบุ๊ก (Facebook) กรณีศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจักรพงษภูวนารถ(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2564) นริศรา ไม้เรียงการวิจัยเรื่อง พฤติกรรมและประโยชน์ที่ส่งผลต่อการตอบสนองการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์แฟนเพจเฟซบุ๊ก (Facebook) กรณีศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจักรพงษภูวนารถ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ลักษณะทางประชากรศาสตร์ พฤติกรรมและประโยชน์ที่ส่งผลต่อการตอบสนองการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์แฟนเพจเฟซบุ๊ก (Facebook) และเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางประชากรศาสตร์ พฤติกรรมและประโยชน์ที่ส่งผลต่อการตอบสนองการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์แฟนเพจเฟซบุ๊ก (Facebook) กรณีศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจักรพงษภูวนารถรายการ รูปแบบการนำเสนอข่าวด่วนด้วยเฟซบุ๊กไลฟ์ (FACEBOOK LIVE) ของสถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิทัล(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2564) ทองเนื้อเก้า คำพิมพ์การศึกษาวิทยานิพนธ์เรื่อง “รูปแบบการนำเสนอข่าวด่วนด้วยเฟซบุ๊กไลฟ์ (Facebook Live) ของสถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิทัล” การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาลักษณะทางประชากรของผู้ชมที่มีผลต่อการติดตามรับชมข่าวด่วนผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ (Facebook Live) ของสถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิทัล (2) ศึกษาพฤติกรรมการเปิดรับที่มีผลต่อการติดตามรับชมข่าวด่วนผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ (Facebook Live) ของสถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิทัล (3) ศึกษารูปแบบการนำเสนอเฟซบุ๊กไลฟ์ (Facebook Live) ที่มีผลต่อการติดตามรับชมข่าวด่วนผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ (Facebook Live) ของสถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิทัล การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) โดยใช้แบบสอบถาม (questionnaire) กลุ่มตัวอย่างคือกลุ่มที่มีอายุ 19 - 60 ปี ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 400 คน โดยเครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วยสถิติการจำแนกความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Analysis) ทดสอบความแตกต่างโดยใช้สถิติแบบ ค่า T-test และ ค่า F-Test และทดสอบความสัมพันธ์โดยใช้ค่าสถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน (Pearson’s Correlation) พร้อมทั้งนำข้อมูลที่ศึกษาได้มาจัดทำ “กลยุทธ์การจัดรายการข่าวด่วนผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ (Facebook Live) ของเพจสถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิทัล” ซึ่งผลการศึกษา พบว่า ด้านลักษณะประชากรศาสตร์ ได้แก่ อายุ อาชีพ ระดับรายได้ ที่แตกต่างกันมีผลต่อการติดตามรับชมข่าวด่วนผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ (Facebook Live) ของสถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิทัลแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ด้านพฤติกรรมการรับชม โดยช่วงเวลา 20.01-00.00 น. มีผู้รับชมข่าวด่วนผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ (Facebook Live) ของสถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิทัล คิดเป็นร้อยละ 43.50 มากที่สุด ระยะเวลา 11-20 นาที มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 31.20 และวัตถุประสงค์ที่รับชมเพื่อติดตามข่าวสารประจำวัน อัพเดทข่าวสาร คิดเป็นร้อยละ 32.00 ทดสอบด้านรูปแบบการนำเสนอผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ (Facebook Live) พบว่า มีความสัมพันธ์ต่อการติดตามรับชมข่าวด่วนผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ (Facebook Live) ของสถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิทัล ทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านเนื้อหา ด้านผู้นำเสนอ (ผู้ประกาศข่าว, ผู้สื่อข่าว ,พิธีกร) และด้านเทคนิค โดยความถี่ในการ Live และการแจ้งเตือน มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด คือ 4.23 ผลการวิจัยทั้งหมดส่งผลให้เกิด “กลยุทธ์การจัดรายการข่าวด่วนผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ (Facebook Live) ของเพจสถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิทัล” ในรูปแบบของ “13 P’s Paradigm” อาทิ Policy (นโยบาย) สาระสำคัญคือจะต้องนำเสนอข่าว ข้อเท็จจริง ให้ผู้ชมเข้าถึงอย่างทันท่วงที และเสนอข่าวเป็นกลาง น่าเชื่อถือ รวมถึงเป็นประโยชน์ต่อผู้ชม ตลอดจน Presenter (ผู้นำเสนอเนื้อหาสาระ) ต้องมีความพร้อมและเตรียมตัวในการนำเสนอข่าว รวมทั้ง Presentation (แนวทางในการนำเสนอ) ควร Live ต่อเนื่องขณะเกิดเหตุสำคัญ เป็นต้นรายการ ส่วนประสมทางการตลาด และการสื่อสารออนไลน์ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อกระเป๋าแบรนด์ แบ็ก อินดีด (BAG INDEED)(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2564) ภาราดา แก้วนิยมการวิจัยเรื่อง “ส่วนประสมทางการตลาด และการสื่อสารออนไลน์ ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อกระเป๋าแบรนด์ แบ็ก อินดีด (Bag Indeed)” งานวิจัยเรื่อง ส่วนประสมทางการตลาด และการสื่อสารออนไลน์ ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อกระเป๋า แบรนด์ แบ็ก อินดีด (Bag Indeed) มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาลักษณะประชากร ศาสตร์ของกลุ่มตัวอย่างที่ตัดสินใจซื้อ แบรนด์ แบ็ก อินดีด (Bag Indeed) 4) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ 3) เพื่อศึกษาส่วน ประสมทางตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อแบรนด์ แบ็ก อินดีด (Bag Indeed) 4) เพื่อศึกษาการสื่อสารออนไลน์ ของแบรนด์ แบ็ก อินดีด (Bag Indeed) 5) เพื่อศึกษาการตัดสินใจซื้อแบรนด์ แบ็ก อินดีด (Bag Indeed) ผลการวิจัย พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศหญิงทั้งหมด ส่วนใหญ่สถานะโสด อายุอยู่ระหว่าง 31-40 ปี อาชีพพนักงาน บริษัท และมีรายได้ 20,001-30,000 บาท ส่วนประสมทางการตลาด (7P) ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ ในภาพรวม ด้านกระบวนการจัดการสินค้าและบริการ มีค่าเฉลี่ย 4.36 อยู่ระดับการตัดสินใจซื้อมากที่สุด การสื่อสารออนไลน์ ในภาพรวมด้านการซื้อ สินค้าผ่านเว็บไซต์มีค่าเฉลี่ย 4.38 อยู่ในระดับความคิดเห็นมากที่สุด การตัดสินใจซื้อ ในภาพรวมด้านการบอกต่อ มีค่าเฉลี่ย 4.45 อยู่ในระดับความคิดเห็นมากที่สุด ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า พฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์แตกต่างกัน มีผลต่อการตัดสินใจซื้อแบรนด์ แบ็ก อินดีด (Bag Indeed) ไม่แตกต่างกัน ยกเว้น พฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ในเรื่อง ประเภทสินค้าที่ซื้อและเหตุผลในการตัดสินใจซื้อสินค้าแตกต่างกัน มีการตัดสินใจซื้อแบรนด์ แบ็ก อินดีด (Bag Indeed) แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และการสื่อสารออนไลน์ของแบรนด์ แบ็ก อินดีด (Bag Indeed) ในส่วนของเว็บไซต์และแฟนเพจเฟซบุ๊ก มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ แบรนด์ แบ็ก อินดีด (Bag Indeed)รายการ ส่วนประสมทางการตลาดและการสื่อสารการตลาดออนไลน์ที่ส่งผลต่อ การตัดสินใจรับชมละครเวทีของคนในกลุ่ม Gen Y(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2564) กชพรรณ เผือกพิพัฒน์การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาลักษณะทางประชากรศาสตร์ พฤติกรรมการรับชมละครเวที ส่วนประสมทางการตลาด และการสื่อสารการตลาดออนไลน์ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจรับชมละครเวทีของคนในกลุ่ม Gen Y โดยเป็นการวิจัยเชิงปริมาณจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือ และวิเคราะห์ข้อมูลโดยโปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ สถิติเชิงพรรณนาที่ใช้ ผู้วิจัยเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง 2 ตัวแปรที่เป็นอิสระต่อกัน ด้วยสถิติแบบทดสอบ t-test เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างตัวแปรมากกว่า 2 ตัวแปร จากนั้นวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way Anova) ด้วยสถิติแบบทดสอบ F-test และใช้การวิเคราะห์ความถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis: MRA)รายการ ผลสัมฤทธิ์ของการประชาสัมพันธ์ภายในการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานใหญ่(มหาวิทยาลัยศรีปทุม, 2564) ทิพยรัตน์ ด้วงเกลี้ยงการศึกษาวิจัยเรื่องผลสัมฤทธิ์ของการประชาสัมพันธ์ภายในการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานใหญ่ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะทางประชากรศาสตร์ของพนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานใหญ่ เพื่อศึกษาการเปิดรับสื่อประชาสัมพันธ์ภายในองค์กรของพนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานใหญ่เพื่อศึกษาการใช้ประโยชน์จากสื่อประชาสัมพันธ์ภายในของพนักงานไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานใหญ่ และเพื่อศึกษาลักษณะประชากรศาสตร์ การเปิดรับสื่อประชาสัมพันธ์ การใช้ประโยชน์จากสื่อประชาสัมพันธ์ที่ส่งผลสัมฤทธิ์ของการประชาสัมพันธ์ภายในการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานใหญ่ การศึกษาการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ใช้วิธีการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ (QuantitiveResearch) โดยใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) ซึ่งมีทั้งลักษณะปลายปิด และปลายเปิด กับกลุ่มเป้าหมายพนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงาน