บทความที่นำเสนอในการประชุมวิชาการ ปีการศึกษา 2550
URI ถาวรสำหรับคอลเล็กชันนี้
เรียกดู
กำลังเรียกดู บทความที่นำเสนอในการประชุมวิชาการ ปีการศึกษา 2550 โดย วันที่ออก{{beginningWith}}
ตอนนี้กำลังแสดง1 - 20 ของ 40
ผลลัพธ์ต่อหน้า
ตัวเลือกเรียงลำดับ
รายการ การศึกษาผลกระทบของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าบริเวณใกล้เคียงสายส่งจ่ายไฟฟ้าแรงสูง(2550) สำเริง, ฮินท่าไม้ในงานวิจัยนี้เป็นการศึกษาผลกระทบของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าบริเวณใกล้เคียงสายส่งจ่ายไฟฟ้าแรงสูงของการไฟฟ้านครหลวงในระดับแรงดัน 24 และ 69 kV ด้วยการสุ่มวัด โดยพิจารณาตามรูปแบบการจัดเรียงสายเฟสของสายส่งจ่ายไฟฟ้าแรงสูงตามที่มีใช้งาน และนำผลที่ได้จากการตรวจวัดไปเปรียบเทียบกับมาตรฐานด้านความปลอดภัยทางแม่เหล็กไฟฟ้า จากผลการตรวจวัด พบว่าสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้าบริเวณใกล้เคียงสายส่งจ่ายไฟฟ้าแรงสูงมีค่าต่ำกว่าขีดจำกัดตามมาตรฐานด้านสุขภาพของ ICNIRP และเมื่อทำการคำนวณปริมาณสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้าบริเวณใกล้เคียงสายส่งจ่ายไฟฟ้าแรงสูงตามหลักการสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้าคงตัว เพื่อเสนอวิธีการลดสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้าบริเวณใกล้เคียงสายส่งจ่ายไฟฟ้าแรงสูงด้วยวิธีเชิงรุก โดยการเพิ่มวงจรสายตัวนำอีกหนึ่งวงจรเดินร่วมไปตามแนวเดินสายเดียวกันและจัดเรียงสายเฟสในลักษณะที่ทำให้เกิดการสมดุลทางลำดับเฟส พบว่าสามารถลดปริมาณสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้าลงได้ 50 และ 30 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับรายการ กำลังรับแรงอัดของตัวอย่างคอนกรีตเสริมเหล็กรูปทรงกระบอกที่ได้จากการเจาะแก่น(2550) สุธี, ขำเปรื่องเดช; อิทธิพร, ศิริสวัสดิ์; ไพรัตน์, สุขเหลืองงานวิจัยนี้เป็นการศึกษาผลกระทบของค่ากำลังรับแรงอัดคอนกรีตเสริมเหล็กแบบต่างๆ ของตัวอย่างรูปทรงกระบอกที่ได้จากการเจาะแก่น โดยทำการเปรียบเทียบกำลังรับแรงอัดของชิ้นตัวอย่างรูปทรงกระบอกที่ได้จากการเจาะแก่น ซึ่งทำการเจาะที่เส้นผ่าศูนย์กลาง 3 นิ้ว โดยเป็นชิ้นตัวอย่างที่เหล็กเสริมแตกต่างกัน 15 แบบ และคอนกรีตที่ไม่มีเหล็กเสริม 1 แบบ ซึ่งชิ้นตัวอย่างคอนกรีตมีขนาดความกว้าง 15 นิ้ว ยาว 15 นิ้ว และความลึก 6 นิ้ว โดยที่ชิ้นตัวอย่างมีระยะห่างของการเสริมเหล็กแตกต่างกันไป คือ 2 นิ้ว 4 นิ้ว และ 6 นิ้ว และระยะคอนกรีตหุ้มเหล็กของเหล็กเสริมต่างกันที่ 1 นิ้ว 2 นิ้ว และ 3 นิ้ว ซึ่งจะมีการเสริมเหล็กชั้นเดียว และมีการเสริมเหล็กสองชั้นที่ระยะคอนกรีตหุ้มเหล็ก 1 นิ้ว 2 นิ้ว โดยรูปแบบในการเจาะนั้นมีทั้งหมด 12 รูปแบบ และเมื่อเจาะออกมาแล้วจะได้ชิ้นตัวอย่างทั้งหมด 126 ก้อน ผลการทดลองพบว่าค่ากำลังรับแรงอัดของระยะห่างเหล็กเสริม 6 นิ้ว มีค่ามากกว่าค่ากำลังรับแรงอัดของระยะห่างเหล็กเสริม 4 นิ้ว 2 นิ้ว ในกรณีที่วางเหล็กเสริมในลักษณะเดียวกัน ส่วนการเปรียบเทียบค่าร้อยละของน้ำหนักเหล็กต่อน้ำหนักรูปทรงกระบอกพบว่า ร้อยละของน้ำหนักเหล็กต่อน้ำหนักรูปทรงกระบอกที่มาก จะมีค่ากำลังรับแรงอัดน้อยกว่าร้อยละของน้ำหนักเหล็กต่อน้ำหนักรูปทรงกระบอกที่น้อย ในชิ้นตัวอย่างเดียวกันรายการ ศึกษาประสิทธิผลของการฝึกอบรมเพื่อการพัฒนาองค์การ กรณีศึกษาของข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร(2550) นิลุบล ศิวบวรวัฒนาการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงประสิทธิผลของการพัฒนาองค์การของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ กรุงเทพมหานคร และเพื่อทราบถึงประโยชน์ของการอบรมสัมมนาการพัฒนาองค์การ โดยเก็บข้อมูล จำนวน 2020 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีลักษณะเป็นคำถามแบบเลือกตอบ และแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ซึ่งสถิติที่ใช้ประกอบด้วย ค่าสถิติพื้นฐานร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาวิจัย พบว่า 1. ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานกรุงเทพมหานคร มีระดับความคิดเห็นของประโยชน์การฝึกอบรมเพื่อการพัฒนาองค์ได้แก่ มีการเปลี่ยนแปลงในการทำงาน มีข้อมูลที่ดีขึ้น มีส่วนร่วมในการทำงานและการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น 2. โครงการฝึกอบรมเพื่อการพัฒนาองค์กรส่งผลให้เกิดประสิทธิผลและประสิทธิภาพในการทำงาน 3. ปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ ได้แก่ เพศ ระดับการศึกษา ระดับตำแหน่งงาน และอายุงานไม่ส่ง ผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ของข้าราชการกรุงเทพมหานครรายการ ค่านิยมทางเพศกับปริมาณการอ่านหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นของวัยรุ่นในกรุงเทพมหานคร(2550) สุวรีย์, ชิตะปรีชาค่านิยมทางเพศกับปริมาณการอ่านหนังสือ การ์ตูนญี่ปุ่นของวัยรุ่นในกรุงเทพมหานคร”มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาทัศนคติที่มีต่อการอ่านหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นฯ ปริมาณการอ่านฯ ค่านิยมทางเพศ ของวัยรุ่นในกรุงเทพหานคร ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับปริมาณการอ่านฯ ศึกษาปริมาณการอ่านหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่ต่างกันมีผลต่อค่านิยมทางเพศ เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างปริมาณการอ่านด้านความบ่อยกับค่านิยมทางเพศพบว่า นักเรียนฯที่มีความบ่อยในการอ่านฯทุกวันจะมีความคิดเห็นต่อค่านิยมทางเพศที่แตกต่างกว่า นักเรียนที่มีความบ่อยในการอ่านฯ 2-4 วันและนาน ๆ ครั้ง เปรียบเทียบความแตกต่างด้านจำนวนชั่วโมงในการอ่านกับค่านิยมทางเพศพบว่าอ่านน้อยกว่าวันละ 1 ชั่วโมง จะมีค่านิยมทางเพศแตกต่างกว่าอ่านวันละ 3-4 ชั่วโมงและ 4-5 ชั่วโมง และอ่านฯ วันละ 1-2 ชั่วโมงมีค่านิยมทางเพศแตกต่างกว่าอ่านวันละ 4-5 ชั่วโมงอย่างมีนัยสำคัญที่สถิติ.05 และเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างปริมาณการอ่านกับค่านิยมทางเพศพบว่าปริมาณในการอ่านฯ 3-4 เล่มฯจะมีความคิดเห็นต่อค่านิยมทางเพศแตกต่างกว่าปริมาณในการอ่าน 1-2 เล่ม 5-6 เล่ม และ 7เล่มขึ้นไปอย่างมีนัยสำคัญที่สถิติ.05รายการ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางน้ำในเขตการศึกษาพื้นฐานกรุงเทพมหานครเขต 2(2550) เฉลิมเกียรติ ดุลสัมพันธ์; สุภาคย์ ดุลสัมพันธ์; นิยม บุญพิคำ; วิมลฤดี วันสอน; นภาพร สิงหทัต; อรทรรศน์ กุศลกุลคุณภาพน้ำระหว่างเดือนตุลาคม 2548 ถึงกันยายน 2549 พบว่า คลองรังสิตจะมีคุณภาพน้ำ ดีที่สุด รองลงมาคือคลองแสนแสบและคลองลาดพร้าวตามลำดับ ตะกอนดินในคลองจะมีการสะสมอินทรีย์วัตถุในปริมาณที่น้อย ปริมาณอินทรีย์วัตถุและฟอสฟอรัสสะสมมากที่สุดในคลองลาดพร้าว ไนโตรเจนสะสมมากที่สุดในคลองแสนแสบ ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณคลองจะมีลักษณะการดำรงค์ชีวิตที่คล้ายกัน ขยะจะทิ้งลงในที่จัดเก็บของกรุงเทพมหานคร ของเสีย น้ำเสียจะถูกทิ้งลงในคลองโดยตรงโดยไม่มีการบำบัดก่อนยกเว้นที่คลองแสนแสบ ประชาชนจะมีรูปแบบภูมิปัญญาท้องถิ่นและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติที่แตกต่างกัน ประชาชนริมคลองแสนแสบจะมีรูปแบบภูมิปัญญาท้องถิ่นและจัดกิจกรรมด้านการสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากที่สุดรายการ บทบาทของรัฐธรรมนูญเพื่อการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทย(2550) ปรีชา จำรัสศรีการปกครองระบอบประชาธิปไตย เป็นการปกครองที่อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน โดยมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดได้รับรองสิทธิ เสรีภาพ และมีกฎหมายบัญญัติให้การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มีการปฏิรูประบบการเมืองเพื่อให้การพัฒนาประชาธิปไตยได้ยั่งยืนตลอดไป มีประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมืองทั้งทางตรงและทางอ้อมรายการ สีสกัดจากใบมังคุดเพื่อการมัดย้อมและบาติก(2550) เสาวนิตย์ กาญจนรัตน์มังคุดเป็นพืชเศรษฐกิจที่ปลูกมากที่สุดในเขตพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดใบมังคุดจึงถูกนำมาสกัดทำเป็นสีย้อมผ้าใช้ในงานหัตถกรรมสิ่งทอพื้นบ้าน งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการสกัดสีจากใบมังคุดใช้เป็นสีสำหรับทำมัดย้อมและทำบาติกอย่างเป็นระบบ โดยวิธีการต้มใบมังคุดสด ใบมังคุดสดหมัก และใบมังคุดสดต้มแล้วหมัก (เวลาในการหมัก 9 วัน) แล้วกรองแยกน้ำกับกากใบมังคุด น้ำสีที่ได้นำมาย้อมร้อนและย้อมเย็นลงบนผ้าดิบไม่ฟอก และเพื่อให้สีติดบนผ้าได้ทนนานจึงนำผ้าจุ่มลงในน้ำปูนขาวซึ่งเป็นสารช่วยติดสีและปรับสภาพความเป็นกรดด่าง เครื่องวัดค่าความเข้มของสีระบบ CIE ถูกนำมาใช้ในการวัดค่าความเข้มข้นน้ำสีก่อนย้อมลงบนผ้า สีบนผ้าหลังการย้อมร้อน และย้อมเย็น จากการทดลองจะพบว่าน้ำสีก่อนย้อมจากการต้มใบสดเป็นสีน้ำตาลแต่ให้สีบนผ้าจากการย้อมร้อนและย้อมเย็นเป็นสีน้ำตาลแดงและสีส้มตามลำดับ ในขณะที่การต้มใบสดหมักได้น้ำสีย้อมเป็นสีน้ำตาลเข้มซึ่งให้สีบนผ้าหลังย้อมร้อนเป็นสีน้ำตาลคล้ำและสีบนผ้าหลังย้อมเย็นเป็นสีส้มเข้ม สำหรับการต้มใบสดต้มหมักได้สีน้ำย้อมเป็นสีม่วงดำ สีบนผ้าหลังย้อมร้อนเป็นสีม่วงคล้ำและสีบนผ้าหลังย้อมเย็นเป็นสีม่วงเข้มเหมือนเปลือกมังคุดสุก ดังนั้น สรุปผลการวิจัยได้ว่าการสกัดสีจากใบมังคุดเพื่อใช้ทำมัดย้อมและบาติกสามารถใช้วิธีการต้มตามแบบภูมิปัญญาดั้งเดิมได้อย่างเป็นระบบด้วยอัตราส่วนต่างๆ ซึ่งจะให้ค่าความเข้มข้นของสีย้อมแตกต่างกันตามลำดับมากไปน้อยดังนี้คือ สีน้ำก่อนย้อม สีบนผ้าย้อมเย็นและสีบนผ้าย้อมร้อนรายการ การพัฒนาชุดตรวจ indirect ELLSA สำหรับการตรวจภาวะการติดเชื้อ Salmonella Typhi แบบเฉียบพลัน(2550) วิมล ชอบชื่นชม; ขนิษฐา เลี้ยงบำรุง; ศรินธร รักษ์มณี; สุรสา ลิมาคม; สุรสิทธิ์ สุวรรณสินธุ์ไข้ไทฟอยด์ ( typhoid fever ) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Salmonella Typhi ปัจจุบันการตรวจวินิจฉัยไข้ไทฟอยด์ ทางน้ำเหลืองวิทยา นิยมใช้ Widal test กันอย่างแพร่หลายแต่วิธี Widal test มีความไวและความจำเพาะต่ำ นอกจากนี้ชุดตรวจด้วยวิธี ELISA ที่มีจำหน่ายทางการค้าเป็นการพัฒนาจาก S.Typhi สายพันธุ์จากต่างประเทศ ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับการติดเชื้อในประเทศไทยนัก ผู้วิจัยจึงได้ทำการพัฒนาชุดตรวจ indirect ELISA สำหรับตรวจภาวะการติดเชื้อ S.Typhi แบบเฉียบพลันขึ้น โดยพบว่าภาวะที่เหมาะสมสำหรับชุดทดสอบ เป็นดังนี้ สารละลายบัพเฟอร์ที่ใช้เป็น coating buffer คือ carbonate buffer pH 9.6 แอนติเจนที่ใช้คือส่วน lipopolysacharide ของ S.Typhi โดยการเตรียมเป็น crude extract ของ S.Typhi โดยนึ่งภายใต้แรงดันก่อนทำให้เซลล์ของ S.Typhi แตกด้วยวิธี sonication ความเข้มข้นของแอนติเจนที่เหมาะสมคือ 30 µg/ml เคลือบแอนติเจนที่ 4๐C เป็นเวลา 16-24 ชั่วโมง โดยใช้ 10% BSA เป็น blocking solution การเจือจางซีรั่มทดสอบที่เหมาะสมคือ 1:100 ด้วยสารละลาย 1%BSA-PBST ทำปฏิกิริยาที่ 37๐C เป็นเวลา 1 ชั่วโมง สาร conjugate ที่ใช้คือ anti-Human IgM ที่ติดฉลากด้วย peroxidase การเจือจางที่เหมาะสมคือ 1:500 ทำปฏิกิริยาที่ 37๐C เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ใช้ O-phenylenediamine (OPD) เป็นสารตั้งต้นและวัดสีของปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นที่ค่าการดูดกลืนแสงที่ 492 นาโนเมตรรายการ การหาคำตอบการไหลของกำลังงานไฟฟ้าที่เอื้อให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยมีข้อจำกัดฟัซซี่แบบไม่เป็นเชิงเส้น(2550) กีรติ ชยะกุลคีรีบทความนี้เป็นการนำเสนอวิธีการคำนวณหาคำตอบการไหลของกำลังงานไฟฟ้าที่เอื้อให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Optimal Power Flow, OPF) ซึ่งวัตถุประสงค์ของการหาคำตอบในที่นี้คือการสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าและการปรับแท็ปของหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังให้ได้ต้นทุนการผลิตต่ำสุด โดยพิจารณาให้ข้อจำกัดของพิกัดกำลังของสายส่งและหม้อแปลงไฟฟ้า แรงดันไฟฟ้าที่บัส และอัตราการเพิ่มและลดกำลังการผลิตของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้เป็นแบบฟัซซี่ที่ไม่เป็นเชิงเส้น ในการวิจัยได้พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการหาคำตอบของ OPF ที่มีข้อจำกัดกำลังงานไฟฟ้าสูงสุดที่ไหลได้ในสายส่ง และขนาดแรงดันสูงสุดหรือต่ำสุดของบัส อัตราการเพิ่มหรือลดกำลังงานไฟฟ้าจริงของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็นแบบฟัซซี่ที่ไม่เป็นเชิงเส้น โดยได้แยกปัญหาออกเป็น ปัญหาย่อยการหาค่าต่ำสุดฟัซซี่ของต้นทุนการผลิต (Total fuel cost fuzzy minimization subproblem) และ ปัญหาย่อยการหาค่าต่ำสุดฟัซซี่ของกำลังงานไฟฟ้าจริงสูญเสีย (Real power loss fuzzy minimization subproblem) และได้ทดสอบแบบจำลองทางคณิตศาสตร์และกระบวนการคำนวณกับระบบไฟฟ้ามาตรฐาน 30 บัส และ 118 บัส ของ IEEEรายการ คำศัพท์เฉพาะทางดนตรีที่ปรากฏในสังคมและวัฒนธรรมชาวมอญในเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี(2550) การุณันทน์ รัตนแสนวงษ์การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลตามประเด็นศึกษากับวัฒนธรรมทางด้านดนตรีที่ปรากฏในสังคมและวัฒนธรรมของชาวมอญในเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี รวมทั้งการศึกษา รวบรวมและจัดหมวดหมู่คำศัพท์และวิเคราะห์คำศัพท์เฉพาะทางดนตรีตามหลักภาษาไทย ผลการวิจัยพบดังนี้ 1. ประวัติทั่วไป ประวัติดั้งเดิมของชาวมอญจังหวัดปทุมธานีอพยพมาจากเมืองเมาะตะมะ ปัจจุบันมีชาวมอญอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น 2 อำเภอ คือ อำเภอเมืองปทุมธานี และอำเภอสามโคก 2. ความเป็นมาของวงดนตรีในชุมชนชาวมอญ วงดนตรีมอญเก่าแก่ของจังหวัดมาจาก 2 ตระกูล คือ ตระกูลดนตรีเสนาะและดนตรีเจริญ ปัจจุบันพบว่ามีวงดนตรีเพิ่มขึ้นหลายวงและหลากหลายรูปแบบ มีทั้งวงดนตรีมอญดั้งเดิม วงดนตรีมอญผสมไทย และวงดนตรีไทย 3. วิธีการถ่ายทอดของบุคคลดนตรี ในอดีตจะสอนในบ้านให้กับบุคคลในตระกูลและเป็นการถ่ายทอดโดยใช้วิธีท่องจำ และด้วยสภาพสังคมที่เปลี่ยนไปปัจจุบันพบว่ามีการสอนนอกบ้านมากขึ้นโดยเฉพาะตามสถานศึกษา เป็นการถ่ายทอดดนตรีให้กับบุคคลนอกตระกูลโดยใช้วิธีการถ่ายทอดแบบมีตัวโน้ต 4. บทบาทของบุคคลดนตรีพบว่า มีบทบาทด้านการสืบทอดประวัติศาสตร์วงดนตรีมอญ การสืบทอดและการเผยแพร่ดนตรีทั้งในและนอกชุมชน การอนุรักษ์วัฒนธรรมมอญ การส่งเสริมภาพลักษณ์ชุมชนชาวมอญ และการเสริมสร้างชื่อเสียงให้แก่สังคมและวัฒนธรรมไทย 5. ประเพณีและพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับดนตรีในชุมชน ประเพณีที่สำคัญของนักดนตรีคือ การไหว้ครู ส่วนพิธีกรรมสำคัญที่ต้องใช้ดนตรีปี่พาทย์มอญเป็นหลัก คือพิธีรำผี พิธีศพ ทะแยมอญ และมอญรำ นอกจากนี้ก็สามารถใช้ดนตรีบรรเลงได้ในเทศกาลทั่วไป 6. ดนตรีและเพลงที่ปรากฏในชุมชนชาวมอญ พบว่าวงดนตรีหลักยังคงเป็นดนตรีปี่พาทย์มอญ ส่วนเพลงที่นำมาบรรเลงปัจจุบันมีทั้งเพลงเก่าและใหม่ บรรเลงได้ทั้งในงานมงคลและอวมงคล แต่ถ้าเป็นเพลงมอญดั้งเดิม ส่วนใหญ่ใช้เฉพาะวงปี่พาทย์มอญ และนิยมบรรเลงในงานอวมงคล 7. คำศัพท์เฉพาะทางดนตรีที่ปรากฏในสังคมและวัฒนธรรมของชาวมอญพบว่า มีจำนวน 256 คำ แบ่งเป็นหมวดตัวอักษร 26 หมวด จำนวนคำภาษาไทย จำนวน 202 คำ และคำภาษามอญ จำนวน 54 คำ ผลการวิเคราะห์ชนิดของคำตามหลักภาษาไทย พบว่ามี 3 ชนิด คือ คำนาม คำกริยา และคำวิเศษณ์ คำศัพท์เหล่านี้ส่วนมากมีความหมายเฉพาะในทางดนตรีที่แตกต่างจากความหมายในพจนานุกรม มีเพียงบางคำเท่านั้นที่มีความหมายสอดคล้องและใกล้เคียงเป็นไปตามหลักเดียวกับในพจนานุกรมรายการ การใช้เทคโนโลยีเชิงบูรณาการ: ปัจจัยสำคัญของการเพิ่มคุณภาพการบริการ(2550) รวิภา, ลาภศิริการใช้เทคโนโลยีได้เข้ามีบทบาทและมีความสำคัญในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันของธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมบริการประเภทโรงแรม ทั้งนี้เพื่อมุ่งหวังให้คุณภาพของการบริการเพิ่มมากขึ้น งานวิจัยเชิงสำรวจครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงผลกระทบของการใช้เทคโนโลยีเชิงบูรณาการซึ่งประกอบด้วยการเปรียบเทียบข้อมูลของผลิตภัณฑ์ การสนับสนุนข้อมูลข่าวสาร และการให้ข่าวสารขณะให้บริการที่มีต่อการรับรู้คุณภาพการบริการของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการโรงแรมระดับมาตรฐาน 4-5 ดาว ในเขตกรุงเทพมหานคร ผลการวิจัยพบว่าการใช้เทคโนโลยีเชิงบูรณาการมีผลกระทบในเชิงบวกต่อคุณภาพการบริการในด้านความเชื่อถือไว้ใจ การตอบสนอง และการให้ความมั่นใจแก่ผู้รับบริการ ในขณะที่ไม่มีความสัมพันธ์ต่อคุณภาพบริการด้านเข้าใจเห็นอกเห็นใจ และความเป็นรูปธรรมในการบริการ ดังนั้น การเพิ่มคุณภาพบริการ จำเป็นอย่างยิ่งต้องตระหนักถึงรูปแบบของการใช้เทคโนโลยีควบคู่กับการให้บริการของพนักงานว่ารูปแบบการให้บริการแบบใดเหมาะสมจะใช้เทคโนโลยีควบคู่กันไป พร้อมทั้งคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการให้บริการโดยใช้พนักงานและเทคโนโลยีควบคู่กัน เพื่อจะนำไปสู่คุณภาพการบริการที่เป็นเลิศและความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้ารายการ การศึกษาความหนาแน่นต่อหน่วยพักอาศัยเพื่อสภาวะความสบายทางอุณหภูมิของอาคารประเภทแฟลต(2550) กัญจนี ญาณะชัยโครงการวิจัย นี้เป็นการหาคำตอบในเรื่องการกำหนดค่าความหนาแน่นเพื่อการอยู่อาศัยที่เกี่ยวเนื่องกับสภาพภูมิอากาศในแต่ละพื้นที่ที่มีอย่างเฉพาะเจาะจง รวมทั้งพฤติกรรมในการประกอบกิจกรรมต่างๆ และสภาพแวดล้อมทางกายภาพของสถานที่ที่นำมาพิจารณา เริ่มต้นขบวนการศึกษาโดยการค้นหาค่าปริมาตรที่ว่างที่เหมาะสมของแต่ละพฤติกรรม ภายใต้ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของค่าปริมาตรดังกล่าว เพื่อนำไปสู่การสรุปผลการวิจัยในเรื่องการกำหนดค่าความหนาแน่นในการอยู่อาศัยต่อหน่วย รวมทั้งยกแฟลตดินแดงเป็นกรณีศึกษา เพื่อการเปรียบเทียบค่าความหนาแน่นที่หน่วยราชการกำหนด 1. ศึกษาข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ ในแต่ละเดือน แต่ละปี และราย 3 ชั่วโมง 2. ศึกษาขบวนการชีวะภาพของการเผาผลาญอาหารภายในร่างกายของมนุษย์ผู้ชาย ซึ่งนำไปสู่การผลิตความร้อน ที่แปรตามพฤติกรรมที่เกิดขึ้นขณะนั้น เช่น อัตราค่าเฉลี่ยการเผาผลาญอาหารต่อคน ที่แปรตามพฤติกรรม ของการนอนหลับ มีค่าเท่ากับ 70 กิโลแคลอรีต่อชั่วโมง, การนั่งพักผ่อน มีค่าเท่ากับ 100 กิโลแคลอรีต่อชั่วโมง และพฤติกรรมการทำงานเบาๆมีค่าเท่ากับ 120 กิโลแคลอรีต่อชั่วโมง 3. ศึกษาขบวนการแลกเปลี่ยนความร้อน ระหว่างผิวกายรอบนอก ของมนุษย์และอากาศที่อยู่รอบๆโดยการแผ่รังสี การพาความร้อน และการระเหยกลายเป็นไอ 4. ศึกษาผลที่เกิดเนื่องมาจากสภาพภูมิอากาศท้องถิ่น ลักษณะสภาพแวดล้อมทางกายภาพของบริเวณที่ตั้งอาคารในโครงการ รวมทั้งปริมาตรของหน่วยพักอาศัย 5. ศึกษาสองทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ทฤษฎีแรกเกี่ยวกับดัชนีสภาวะความสบายทางอุณหภูมิ เรียก The index of thermal stress (ITS.) ซึ่งเป็นทฤษฎีการจำลองชีวะภาพที่อธิบายถึงค่ากลไกความร้อนที่เปลี่ยนแปลงระหว่างร่างกายและสภาพแวดล้อม โดยใช้ทฤษฎี Thermal Stress Index (ITS.) ดังแสดงข้างล่าง S = M – 0.2 (m-100) V 0.3 ( ta – 350 ) e 0.6( E/Emax – 0.12 ) และทฤษฎีสภาวะความสบายด้วยการระบายอากาศส่วนทฤษฎีที่สองจะเกี่ยวกับสภาวะความสบายที่เกิดจากการระบายความร้อน แสดงถึงสภาพของร่างกายที่ไม่มีความชื้นที่ผิวรอบนอกของร่างกาย ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาวะของอากาศที่เคลื่อนที่ในขณะนั้น อัตราการพาความร้อน และปริมาตรอากาศที่แวดล้อม S = (1300 x ACH x Volumetric Space/Person x T) / 3600 6. สรุปผลค่าความหนาแน่นของผู้อาศัยต่อหน่วยโดยนำค่าผลสรุปปริมาตรต่อคน นำมาใช้กับปริมาตรของห้องอเนกประสงค์ และในที่สุดนำมาเปรียบเทียบค่าความหนาแน่นที่หน่วยราชการกำหนดรายการ การสร้างและทดสอบเครื่องมือวัดความคิดสร้างสรรค์(2550) สายหยุด, อุไรสกุลการวิจัย เรื่องการสร้างและทดสอบเครื่องมือวัดความคิดสร้างสรรค์ เป็นการวิจัยแบบทดลอง วัตถุประสงค์การวิจัย เพื่อสร้างและทดสอบเครื่องมือวัดความคิดสร้างสรรค์ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้เครื่องมือวัดความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งสร้างเป็นแบบทดสอบความคิดสร้างสรรค์พร้อมวิธีการวัดและเกณฑ์การวัดความคิดสร้างสรรค์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนวิชาจิตวิทยาทั่วไป ภาคเรียนที่ 1,ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา2548และภาคเรียนที่ 1,ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา2549 กลุ่มตัวอย่าง ที่ได้มาใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)เพื่อให้ได้ข้อมูลจำนวนมาก ผลการวิจัยสรุปว่า ได้วิธีการสร้างเครื่องมือวัดความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นแบบทดสอบประกอบด้วยภาพการ์ตูน จำนวนโดยประมาณ 7 ช่องและสร้างเงื่อนไขในการเติมภาพทั้งแผ่นให้สมบรูณ์ เป็นเงื่อนไขที่กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ หลังจากนั้นนำข้อมูลจากแบบทดสอบไปสรุปหาเกณฑ์ในการวัดความคิดสร้างสรรค์ได้เกณฑ์การวัดความคิดสร้างสรรค์ 6 ด้าน ได้แก่ เกณฑ์การวัดความคิดคล่องตัว , เกณฑ์การวัดความคิดยืดหยุ่น, เกณฑ์การวัดความคิดริเริ่ม, เกณฑ์การวัดความคิดละเอียดลออ, เกณฑ์การวัดความคิดเชื่อมโยง และเกณฑ์การวัดความคิดพลิกเแพลง การกำหนดน้ำหนักคะแนนความคิดสร้างสรรค์แบ่งได้ 3 กลุ่ม กลุ่มที่1 มีคำตอบไม่ซ้ำกับคนอื่นได้คะแนน 5 คะแนน กลุ่มที่ 2 มีคำตอบซ้ำกับคนอื่น ได้คะแนน 3 คะแนน กลุ่มที่ 3 ไม่มีคำตอบ ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ได้คะแนน 1 คะแนนรายการ ความพึงพอใจ ความเชื่อมั่นด้านการรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและความสามารถที่พึงประสงค์ของตำรวจท่องเที่ยว(2550) ปาจรีย์ ผลประเสริฐ และคณะวัตถุประสงค์ของการวิจัยครั้งนี้เพื่อศึกษา 1) ความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีต่อการให้บริการของตำรวจท่องเที่ยว 2) ความเชื่อมั่นด้านการรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และ 3) ความสามารถที่พึงประสงค์ของตำรวจท่องเที่ยว โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากนักท่องเที่ยว ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการท่องเที่ยว และตำรวจท่องเที่ยว ผลการวิจัยพบว่านักท่องเที่ยวมีความพึงพอใจต่อการให้บริการของตำรวจท่องเที่ยวในระดับมากและมีความแตกต่างกันตามภูมิภาค มีความเชื่อมั่นด้านการรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวในระดับปานกลางและมีความแตกต่างกันตามภูมิภาค สำหรับความสามารถที่พึงประสงค์ของตำรวจท่องเที่ยว 8 ประการ คือ สามารถใช้ภาษาต่างประเทศได้ดี มีจิตสำนึกในการให้บริการที่ดี มีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานในหน้าที่ มีทักษะในการติดต่อสื่อสาร ประสานงานได้ดี มีจริยธรรม ประพฤติตนเหมาะสม เป็นแบบอย่างที่ดี มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีบุคลิกภาพน่าเชื่อและน่าไว้วางใจ และมีความสามารถและทักษะในการแก้ไขปัญหารายการ การพัฒนาแบบจำลองคณิตศาสตร์เพื่อประเมินคุณภาพอากาศในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์(2550) ศิวพันธุ์, ชูอินทร์การศึกษาเรื่องการพัฒนาแบบจำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อประเมินคุณภาพอากาศในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ในการประเมินความเข้มข้นของอนุภาคฝุ่น ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ที่เกิดจากการจราจรบนถนนในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ กรุงเทพมหานคร และนำแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ได้ไปพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปใช้ การศึกษาครั้งนี้ทำการเก็บตัวอย่างคุณภาพอากาศได้แก่ ความเข้มข้นของอนุภาคฝุ่น ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ตรวจวัดความเร็วลม เป็นค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงพร้อมทั้งตรวจวัดปริมาณและความเร็วรถแยกประเภท ได้แก่ รถยนต์โดยสารส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ รถบรรทุกขนาดเล็กและรถบรรทุกขนาดใหญ่ ศึกษาโครงสร้างของถนนและช่องว่างที่สามารถระบายสารมลพิษทางอากาศออกนอกถนนได้ นำข้อมูลที่ได้ไปพัฒนาแบบจำลองทางคณิตศาสตร์โดยอาศัยพื้นฐานของแบบจำลองแบบกล่องและหลักการวิเคราะห์ความถดถอย แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่เหมาะสมจะผ่านการยอมรับทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95% ซึ่งเป็นระดับที่ดีที่สุดสำหรับการศึกษาทางด้านคุณภาพอากาศ และให้ค่า R2 ที่สูง แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ได้พัฒนาขึ้นสามารถใช้ประมาณความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ อนุภาคฝุ่น และก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์บนถนนในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ได้ โดยมีค่า R2 เท่ากับ เท่ากับ 0.907 0.618 และ 0.541 ตามลำดับ และนำมาพัฒนาเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในชื่อ “Rattanakosin Air Model : RAM” เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปใช้งาน ปัจจัยที่มีผลต่อความเข้มข้นของสารมลพิษทางอากาศคือ ปริมาณรถแต่ละชนิด ซึ่งความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ขึ้นกับจำนวนรถโดยสารส่วนบุคคลมากที่สุด ความเข้มข้นของอนุภาคฝุ่นและก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ขึ้นกับรถบรรทุกขนาดใหญ่มากที่สุด ส่วนโครงสร้างถนนและความเร็วลมไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงต่อความเข้มข้นของสารมลพิษทางอากาศที่ได้จากการตรวจวัดจริง แต่เป็นปัจจัยที่สำคัญที่ใช้ในการพัฒนาแบบจำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อประมาณคุณภาพอากาศในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์รายการ การหาน้ำหนักต่ำสุดที่เหมาะสม ในการออกแบบโครงข้อหมุนโดยระเบียบวิธีเลียนแบบพันธุศาสตร์(2550) วิรัช, เลิศไพฑูรย์พันธ์การวิจัยนี้ศึกษากลวิธีการใช้ระเบียบวิธีเลียนแบบพันธุศาสตร์ ในการออกแบบโครงหลังคาเหล็ก ซึ่งโดยทั่วไปการออกแบบโครงหลังคาเหล็กขนาดใหญ่ เพื่อให้ได้โครงสร้างที่มีขนาดและรูปร่างที่เหมาะสม นั้นจะต้องอาศัยประสบการณ์ในการออกแบบของวิศวกรผู้ออกแบบ ซึ่งอาจต้องใช้เวลามากและยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าโครงสร้างที่ได้เป็นโครงสร้างที่เหมาะสม การวิจัยนี้เลือกใช้ระเบียบวิธีเลียนแบบพันธุศาสตร์ เป็นเครื่องมือในการค้นหาคำตอบ และเพื่อให้สามารถนำผลการวิจัยไปใช้ได้จริงในการออกแบบ การศึกษานี้จึงใช้ตัวแปรจริง ที่สอดคล้องกับการใช้งาน เช่น ชนิดของวัสดุ คุณสมบัติวัสดุ รูปร่างและลักษณะของโครงสร้าง และใช้ข้อกำหนดในการออกแบบตามมาตรฐาน AISC (LRFD) เป็นข้อจำกัดของปัญหา โดยให้น้ำหนักของโครงสร้างที่ต่ำที่สุดเป็นเป้าหมายของปัญหา จากการศึกษาพบว่าการออกแบบด้วยระเบียบวิธีเลียนแบบพันธุศาสตร์โดยใช้ตัวแปรจริงนี้สามารถให้คำตอบสำหรับการออกแบบที่เหมาะสมสัมบูรณ์หรือใกล้คำตอบที่เหมาะสมสัมบูรณ์ได้ โดยที่ประสิทธิภาพของการค้นหาคำตอบที่เหมาะสมขึ้นกับปัจจัยหลายประการ เช่น จำนวนตัวแปร จำนวนประชากร รวมไปถึงปัจจัยทางเทคนิคของระเบียบวิธีเลียนแบบพันธุศาสตร์รายการ แนวทางการปรับปรุงการใช้พลังงานในอาคารสยามบรมราชกุมารี(2550) กนกวรรณ อุสันโนปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าโดยรวมของประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ทำให้มีการใช้งบประมาณจำนวนมากในการจัดหาพลังงาน และ สร้างแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการใช้งาน ในการนี้ก่อให้เกิดผลกระทบตามมาต่อสภาพแวดล้อมและประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ หากปริมาณการใช้ยังเพิ่มสูงขึ้นต่อไป ในอนาคตประเทศไทยอาจประสบกับภาวะการขาดแคลนพลังงาน ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายต่อความเป็นอยู่ของประชาชน และระบบเศรษฐกิจในระดับชาติได้ อาคารสยามบรมราชกุมารี มหาวิทยาลัยศรีปทุม เป็นอาคารเรียนและสำนักงานขนาดใหญ่อาคารหนึ่ง มีพื้นที่ใช้สอยรวม 27,417 ตารางเมตร มีการใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่า 2,000,000 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี การวิเคราะห์และทดสอบเพื่อหาสาเหตุความสิ้นเปลืองพลังงาน และการแก้ปัญหาโดยวิธีการที่เหมาะสม จะเป็นแนวทางในการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในอาคารให้แก่เจ้าของอาคารอื่นๆที่มีขนาดและลักษณะการใช้งานใกล้เคียงกันได้ นอกจากนี้ยังเป็นกรณีศึกษาสำหรับผู้เกี่ยวข้องได้เตรียมการวางแผน และออกแบบอาคารให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไป จากผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ความสิ้นเปลืองพลังงานส่วนใหญ่ของอาคารสยามบรมราชกุมารี มีสาเหตุมาจาก ความร้อนของเครื่องปรับอากาศที่ระบายออกทาง Condensing Unit ซึ่งตั้งอยู่ที่ระเบียงด้านทิศเหนือและทิศใต้ของอาคาร และติดกับผนังกระจกของห้องที่ทำการปรับอากาศ ทำให้อุณหภูมิผิวกระจกสูงขึ้นและส่งผ่านความร้อนกลับเข้าสู่ภายในห้อง เป็นภาระการทำความเย็นแก่เครื่องปรับอากาศอีกครั้งหนึ่ง แสงแดดที่กระทำต่ออาคารด้านทิศใต้และทิศตะวันตก ส่งผลต่อภาระการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านการใช้แสงประดิษฐ์ที่ไม่สัมพันธ์กับความต้องการใช้งาน ทั้งความเข้มในการส่องสว่าง และการกระจายแสง การไม่แบ่งกลุ่มการใช้งานในระบบแสงสว่างและไม่มีการใช้สัญลักษณ์ให้เป็นที่เข้าใจแก่ผู้ใช้อาคาร ทางเดินภายในอาคารที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากแสงธรรมชาติได้ ทำให้ความสูญเสียพลังงานไฟฟ้าในระบบแสงสว่างเพิ่มขึ้น ในงานวิจัยนี้ ได้เสนอแนวทางแก้ปัญหา โดยติดตั้งปล่องระบายความร้อนให้กับ Condensing Unit ทุกตัว เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกอาคารโดยตรง การติดตั้งอุปกรณ์กันแดดให้แก่อาคารด้านทิศใต้และทิศตะวันตก เพื่อป้องกันการแผ่รังสีโดยตรงจากดวงอาทิตย์ การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้แสงประดิษฐ์ทั้งการกระจายแสง และการใช้อุปกรณ์ในระบบ แสงประดิษฐ์ที่มีประสิทธิภาพสูง และการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยลดค่าความต้องการใช้ไฟฟ้าลง แนวทางแก้ปัญหาในประเด็นต่างๆที่ได้นำเสนอ ผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์ผลตอบแทนในการลงทุนควบคู่ไปด้วย เพื่อเสนอแนวทางปฏิบัติที่มีความเหมาะสมสูงที่สุด สรุปได้คือ การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้แสงประดิษฐ์ ถึงแม้จะใช้งบประมาณในการลงทุนสูง แต่ให้ผลตอบแทนในการลงทุนเร็วที่สุด คือ 1 ปี 5 เดือน และสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าต่อปีได้มากกว่าวิธีอื่น การติดตั้งปล่องระบายความร้อนสามารถคืนทุนได้ในเวลา 2 ปี การปรับปรุงประสิทธิภาพของอุปกรณ์กันแดดด้านทิศใต้ และทิศตะวันตก ใช้เวลาในการคืนทุนมากกว่า 10 ปี ที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากอุปกรณ์กันแดดเดิมของอาคารนี้ ซึ่งเป็นกันสาด และระเบียงทางเดิน ต่างก็มีประสิทธิภาพในการกันแดดได้ดีในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ส่วนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์นั้น มีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ประกอบกับแผง solar cell มีอายุการใช้งานที่จำกัด ในกรณีนี้จึงไม่เหมาะสมในการลงทุนรายการ การพยากรณ์ดัชนีราคาผู้บริโภครายเดือนของกรุงเทพมหานคร:กรณีศึกษาเปรียบเทียบโดยวิธีการของบอกซ์-เจนกินส์ วิธีการของโฮลต์ และวิธีการพยากรณ์รวม(2550) วราฤทธิ์, พานิชกิจโกศลกุลวัตถุประสงค์ของการวิจัยครั้งนี้เพื่อพยากรณ์ดัชนีราคาผู้บริโภครายเดือนของกรุงเทพมหานคร โดยเปรียบเทียบวิธีการพยากรณ์ 3 วิธี คือ วิธีการของบอกซ์-เจนกินส์ วิธีการของโฮลต์ และวิธีการพยากรณ์รวมโดยใช้การวิเคราะห์การถดถอย และเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการพยากรณ์ด้วยค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์ความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์ (Mean Absolute Percent Error: MAPE) ที่ต่ำที่สุด พบว่า วิธีการของโฮลต์เป็นวิธีการที่เหมาะสมกับลักษณะข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภครายเดือนของกรุงเทพมหานครมากที่สุดรายการ การใช้แบบจำลองส่วนประสมทางการตลาดเพื่อศึกษาการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีของนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาเอกชน(2550) วิชิต, อู่อ้นการวิจัยเรื่องการใช้แบบจำลองส่วนประสมทางการตลาดเพื่อศึกษาการตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีของนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาเอกชน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความคิดเห็นที่มีผลต่อปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อหลักสูตรปริญญาตรี ได้แก่ ปัจจัยทางด้านการจัดการการศึกษา ปัจจัยทางด้านการกำหนดราคา ปัจจัยทางด้านการวางทำเลที่ตั้ง และปัจจัยทางด้านการส่งเสริมชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคือแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย (x) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่า t-test และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way Analysis of Variance) ผลการวิจัยพบว่า ความคิดเห็นของนักศึกษาต่อปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อหลักสูตรปริญญาตรีอยู่ในระดับมากทุกปัจจัยรายการ เรื่องการดำเนินการเฝ้าระวังพฤติกรรมเบี่ยงเบนกลุ่มนักเรียนชายมีพฤติกรรมเป็นหญิง: กรณีศึกษาโรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัยและโรงเรียนสตรีสิริเกศ(2550) ยงยุทธ, เมธาวีวินิจงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ(1)ศึกษาการดำเนินการของโรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัยและโรงเรียนสตรีสิริเกศมีการเฝ้าระวังพฤติกรรมเบี่ยงเบนกลุ่มนักเรียนชายมีพฤติกรรมเป็นหญิงหรือไม่ อย่างไร(2)สาเหตุพฤติกรรมภูมิหลังและความต้องการของนักเรียนพฤติกรรมเบี่ยงเบนกลุ่มนักเรียนชายมีพฤติกรรมเป็นหญิงเป็นอย่างไร โดยอยู่บนพื้นฐานการส่งเสริม สนับสนุนพฤติกรรมดังกล่าวตามศักยภาพที่ควรจะเป็น หรือส่งเสริม สนับสนุนให้กลับมาเป็นเพศที่ธรรมชาติกำหนด ซึ่งนักเรียนกลุ่มนี้ยังเป็นคนดี มีปัญญาและอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ไม่สร้างความเดือดร้อนแก่โรงเรียน สังคมที่นักเรียนอาศัยอยู่ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนที่ครูโรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัยคัดกรองให้ เป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 10 คน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 20 คน และครูโรงเรียนสตรีสิริเกศคัดกรองให้ เป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 30 คน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 15 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยแยกเป็น 2 ประเภท คือ แบบสอบถาม จำนวน 35 ข้อ และแบบสัมภาษณ์แยกเป็น 3 กลุ่ม คือ สัมภาษณ์นักเรียนที่พฤติกรรมเบี่ยงเบน จำนวน 8 ข้อ เพื่อนนักเรียน จำนวน 7 ข้อ และครู จำนวน 10 ข้อ ผลงานวิจัยพบว่า 1) โรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัยและโรงเรียนสตรีสิริเกศยังไม่มีการเฝ้าระวังนักเรียนพฤติกรรมเบี่ยงเบนกลุ่มนักเรียนชายมีพฤติกรรมเป็นหญิงเป็นการเฉพาะ เนื่องจากมองว่าพฤติกรรมดังกล่าว เป็นเรื่องปกติ ไม่ร้ายแรง ยังสามารถดูแลได้ ไม่สร้างปัญหาให้แก่ทางโรงเรียน ยังอยู่ในระเบียบวินัยของโรงเรียนที่กำหนดไว้ กิจกรรมที่โรงเรียนดำเนินการเป็นกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและส่งเสริมคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามปกติ ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 2) สาเหตุที่นักเรียนมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนชายมีพฤติกรรมเป็นหญิง เกิดจากความผิดปกติภายในของโครโมโซมเพศ หรือจากสิ่งแวดล้อมได้แก่ การเลียนแบบ สังคมที่อาศัยอยู่ ความต้องการทางครอบครัว หรือสื่อที่นักเรียนพบเห็น การใช้ยาคุมกำเนิดทั้งการกินและการฉีด 3) ผลการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระหว่างระดับความคิดเห็นของคะแนนที่นักเรียนมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนกลุ่มนักเรียนชายมี พฤติกรรมเป็นหญิง ที่คิดว่าตรงกับพฤติกรรมที่เป็นอยู่ของนักเรียนหรือควรได้รับการช่วยเหลือ แก้ไขหรือสนับสนุนจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง ของนักเรียนโรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัยและโรงเรียนสตรีสิริเกศไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05